เมนู

ลัทธาลักขณปัญหา ที่ 10


ราชา

สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสถามอรรถปัญหา
ต่อไปว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจ้าผู้มีปรีชา อันว่าศรัทธานี้มีลักษณะกี่
ประการ
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร ศรัทธานี้มีลักษณะ 2
ประการคือ สัมปสาทลักขณสัทธาประการ 1 สัมปักขันทลักขณสัทธาประการ 1 ขอถวายพระพร
พระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรมีพระราชโองการซักว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน
ผู้ประกอบด้วยปรีชา สัมปสาทลักขณสัทธานี้เป็นประการใด
พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร อันว่าสัมป-
สาทลักขณสัทธานั้นเมื่อจะบังเกิดนั้นข่มขี่เสียซึ่งนิวรณธรรม ให้ดวงจิตนั้นผ่องใส อนาวิลํ ไม่
ขุ่นมัวไปด้วยมลทิน เมื่อจะรักษาศีลให้ทานสวนาการฟังพระสัทธรรมเทศนา และจำเริญเมตตา
ภาวนา จิตนั้นมีสภาวะผ่องใสอย่างนี้ได้ชื่อว่าสัมปสาทลักขณสัทธา ขอถวายพระพร
พระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากร มีพระราชโองการตรัสว่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าอุปมาอุปไมย
ไปก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรอุปมาว่า มหาราช ดูรานะพิตรพระราชาสมภาร เปรียบปาน
ดังสมเด็จบรมจักรพรรดิราชอันยกพลจตุรงคนิกรลีวาศไปสู่ประเทศแห่งหนึ่ง จึงข้ามแม่น้ำน้อย
นั้นไปด้วยพลหัตถีช้างมา ปรากฏพลบทจรเดินลำลอง ตกว่าท้องน้ำนั้นก็ขุ่นมัวนักหนา พอ
สมเด็จบรมจักรพรรดิราชนั้นอยากจะเสวยอุทกังเป็นกำลัง จึงมีพระราชโองการสั่งให้ตักเอา
อุทกังอันขุ่นมัว ชาวพนักงานกลัวพระราชอาญา จึงตักอุทกังขุ่นนั้นมาใส่ในพระเต้าแก้ว แล้วน้ำ
นั้นก็ผ่องใสในทันที จึงเอาน้ำในพระเต้าแก้มณีถวายในทันใดนั้น ความนี้ฉันใด สัมปสาท-
ลักขณสัทธานี้ อุปมาดุจพระเต้ามณีกำจัดเสียซึ่งเปือกตมอันขุ่นมัวคือตัวนิวรณธรรมให้สิ้นไป
อุทกังก็ผ่องใส ได้แก่ดวงจิตอันมิได้ติดด้วยนิวรณธรรม คือ โลโภ โทโส โมโห จิตปราศจากโทษ
แล้วก็ผ่องใส อันว่าสัมปสาทลักขณสัทธามีลักษณะดุจเปรียบมาฉะนี้ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปัญญาปรีชา อันว่าสัมปักขันทลักขณสัทธานี้อย่างไรเล่า
พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าจึงถวายพระพรวิสัชนาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร
อันว่าสัมปักขันทลักขณสัทธานี้ ได้แก่พระยติโยคาวจรอันมีจิตผ่อนให้เบาจากราคาทิกิเลส ก็ได้